วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แม็กไทยไป นานาชาติ แต่ ในชาติยังไม่เอาแม็กไทย

ล้อแม็กลายใหม่ล่าสุดจาก Lenso ด้วยวิธีทำแบบ ฟอจทำให้ได้แม็กที่มีคุณภาพระดับเดียวกับ นานาชาติ หลายครั้งที่ ได้ทดสอบกับ รถแข่งและยังมี ใบการันตีจากต่างประเทศ นับวันแม็กไทยจะมีความสามารถที่จะต่อกรกับแม็กแท้ญี่ปุ่นที่เข้ามาตีตลาดบ้านเรามานานได้หรือไม่ พร้อมกับลบคำครหา ที่มีมานานว่าแม็กไทยนั้นไม่มีความแข็งแรงหรืือเราะ จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบันเท่าที่ควร ต่อไปเราอาจได้เห็นแม็กไทยไปส่งออกแล้วตีกลับมาขายบ้านเราเพื่อ ให้เชื่อว่าแบรนนอกนั้นเีกว่าก็เป็นได้

Bangkok Motorbike Festival 2014 งานรวมคนรักมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดประจำปี

งานรวมคนรักมอเตอร์ไซค์ เทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่สุดๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ตื่นตาตื่นใจกับขบวนรถยอดนิยมที่จะนำมาเข้างาน จากค่ายยานยนตร์ชั้นนำ จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์(ราชประสงค์) ในวันที่5-9 กุมพาพันธ์ น่าเอามามาก


ปลูกพืนในดินกันเถอะ



การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน มีชื่อเรียกในภาษาไทยหลายชื่อ เช่น การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกพืชในน้ำที่มีธาตุอาหารพืช
การปลูกพืชในวัสดุปลูกที่ไม่ใช้ดินที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชโดยให้รากพืชสัมผัสสารอาหารโดยตรงที่ไม่มีดินเป็นเครื่องปลูก สามารถอธิบายได้ 2 ลักษณะ ตามระบบหรือวิธีการปลูกและความหมายของคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ 2 คำ คือคำว่า Soilless Culture และคำว่า Hydroponics
  1.1 ความหมายของคำว่า “การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน” จากคำว่า Soilless culture เป็นวิธีการปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพืชบนดินโดยไม่ใช้ดินเป็นวัสดุในการปลูก
แต่เป็นการปลูกพืชลงบนวัสดุปลูกชนิดต่างๆ โดยพืชจะใช้วัสดุปลูกเป็นที่ยึดเกาะของรากและสามารถได้รับธาตุอาหารต่างๆ ผ่านสารละลายธาตุอาหารพืช ที่มีน้ำผสมกับปุ๋ย
ที่มีธาตุต่างๆ ที่พืชต้องการ (Nutrient Solution) ซึ่งสามารถแบ่งประเภทตามวัสดุที่ใช้ได้ดังนี้
วัสดุปลูกที่เป็นอนินทรีย์สาร คือ
  (1) วัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ทราย กรวด หิน เกล็ด หินภูเขาไฟ
  (2) วัสดุที่ผ่านขบวนการโดยใช้ความร้อน เช่น ดินเผา เม็ดดินเผา ใยหินหรือร็อควูล เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลไลน์
  (3) วัสดุเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เศษดินเผาจากโรงงานเครื่องปั้นดินเผา
วัสดุปลูกที่เป็นอินทรีย์สาร เช่น
  (1) วัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฟางข้าว ขุยและเส้นใยมะพร้าว แกลบและขี้เถ้า เปลือกถั่ว พีท
  (2) วัสดุที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ชานอ้อย กากตะกอนจากโรงงานน้ำตาล วัสดุเหลือใช้จากโรงงานกระดาษ
  วัสดุสังเคราะห์ เช่น เมล็ดโฟม แผ่นฟองน้ำ และ สารดูดความชื้น เส้นใยพลาสติก แม้ว่าเราเรียกวัสดุที่ใช้ปลูกพืชนี้ด้วยคำรวมๆ ว่า ซับสเตรท (Substrate)
แต่ถ้ามีการใช้วัสดุปลูกพืชเป็นวัสดุใดวัสดุหนึ่งแบบเจาะจงก็จะเรียกชื่อตามวัสดุที่ใช้ปลูก เช่น
  การปลูกโดยการใช้ทรายเป็นวัสดุปลูก หรือ Sand culture
   การปลูกโดยการใช้หินกรวดเป็นวัสดุปลูก หรือ Gravel culture
   การปลูกโดยการใช้ร็อควูลเป็นวัสดุปลูก หรือ Rockwool culture
   การปลูกโดยการใช้ขี้เลื่อยเป็นวัสดุปลูก หรือ Sawdust culture
  1.2 ความหมายของคำว่า “การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน” จากคำว่า Hydroponics เป็นการปลูกพืชที่ไม่ใช้วัสดุปลูก (nonsubstrate หรือ water culture) กล่าวคือ
จะทำการปลูกพืชลงบนสารละลายธาตุอาหารพืช โดยให้รากพืชสัมผัสกับสารอาหารโดยตรงนั่นเอง ทั้งนี้จะต้องควบคุมอุณหภูมิ ความเข้มข้นของธาตุอาหารและปริมาณอากาศ
ที่ละลายในสารละลายธาตุอาหารพืชให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช




พอล วอล์คเกอร์ รถ porsche carrera gt ขณะ paul walker นั่งไป ก่อนเสียชีวิต

 หลังเหตุการสะเทือนขวัญ จากดาราดังพระอก Holly wood เสียชีวิตไปอย่างชับพลันจากอุบัตติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างทาง การกุศลเพื่อสังคมของดาราดังpaul walkerเสียชีวิตกับเพื่อน1คน โดย paul walkerเป็นคนนั่งโดยสารและรถยนตร์ Porche รุ่นCarrera gt เป็นเหตุในการเกิดอุบติเหตุครั้งนี้


มอไซคลาสสิค

รถยนต์คลาสสิก คือ รถยนต์เก่า หรือรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในอดีต คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 เป็นต้นไป โดยระยะรุ่นปีของรถที่ถือว่าเป็นรถยนต์คลาสสิกนั้น นอกเหนือจากความเก่า และรูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิกแล้ว ยังขึ้นอยู่กับรสนิยมอีกด้วย เนื่องจากมีบ่อยครั้งที่มีบุคคลบางกลุ่มเรียกรถยนต์ที่มีลักษณะที่ดูคลาสสิก เช่น ฟอร์ด มัสแตง โฉมแรก (รุ่นปี ค.ศ. 1964 - 1973) เป็นต้น ว่าเป็นรถยนต์คลาสสิก แต่อีกบางกลุ่มก็ไม่ถือว่าเป็นรถคลาสสิก เช่น Classic Car Club of America จะไม่ถือว่ารถยนต์ที่เริ่มผลิตหลัง ค.ศ. 1948 เป็นรถยนต์คลาสสิก เนื่องจากรถยนต์ที่ใหม่กว่านั้นจะใช้คำอื่นที่ไม่ใช่ "รถยนต์คลาสสิก" มานิยามแทน
รถยนต์คลาสสิกที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน มักจะได้รับการดูแลรักษารถให้เงางามและอยู่ในสภาพดี รวมไปถึงการบูรณะสภาพรถ จากที่มีสภาพเป็นซากรถ หรือใช้การไม่ได้ ให้อยู่ในสภาพที่ดีและมีความงามมากขึ้น

"มอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson 1925 model B"
การใช้งานทั่วไปที่ไม่หนักหน่วงอะไรนัก มันคล่องตัว แถมยังประหยัดอีกด้วย เรียก ว่า เครื่องยนต์ทั้ง model A/B นั้น สามารถสร้างยอดขายไปทั่วโลก…แค่ปีเดียว… มากถึง 7,000 คัน มันใช้เวลา “บ่มเพาะ” เก็บเล็ก ผสมน้อย อยู่หลายเพลา หน่วยวัดที่เกินกว่า “ทศวรรษ” คือความ พยายามที่เจ้าของลงทุนแลกเปลี่ยนเป็นผลงานขั้นฟินิช…หน้าแข็ง หลังแข็ง ไซด์วาล์ว 3 แรงครึ่ง…ปี25 …เรารู้แค่นั้น!!!…มันเป็นเรื่องของ “ผม” ที่จะต้องตามต่ออยู่…เพียงลำพัง!!! น่าสนใจสุดๆไปเลยกับงานนี้

มอไซคลาสสิค

รถยนต์คลาสสิก คือ รถยนต์เก่า หรือรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในอดีต คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 เป็นต้นไป โดยระยะรุ่นปีของรถที่ถือว่าเป็นรถยนต์คลาสสิกนั้น นอกเหนือจากความเก่า และรูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิกแล้ว ยังขึ้นอยู่กับรสนิยมอีกด้วย เนื่องจากมีบ่อยครั้งที่มีบุคคลบางกลุ่มเรียกรถยนต์ที่มีลักษณะที่ดูคลาสสิก เช่น ฟอร์ด มัสแตง โฉมแรก (รุ่นปี ค.ศ. 1964 - 1973) เป็นต้น ว่าเป็นรถยนต์คลาสสิก แต่อีกบางกลุ่มก็ไม่ถือว่าเป็นรถคลาสสิก เช่น Classic Car Club of America จะไม่ถือว่ารถยนต์ที่เริ่มผลิตหลัง ค.ศ. 1948 เป็นรถยนต์คลาสสิก เนื่องจากรถยนต์ที่ใหม่กว่านั้นจะใช้คำอื่นที่ไม่ใช่ "รถยนต์คลาสสิก" มานิยามแทน
รถยนต์คลาสสิกที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน มักจะได้รับการดูแลรักษารถให้เงางามและอยู่ในสภาพดี รวมไปถึงการบูรณะสภาพรถ จากที่มีสภาพเป็นซากรถ หรือใช้การไม่ได้ ให้อยู่ในสภาพที่ดีและมีความงามมากขึ้น

"มอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson 1925 model B"
การใช้งานทั่วไปที่ไม่หนักหน่วงอะไรนัก มันคล่องตัว แถมยังประหยัดอีกด้วย เรียก ว่า เครื่องยนต์ทั้ง model A/B นั้น สามารถสร้างยอดขายไปทั่วโลก…แค่ปีเดียว… มากถึง 7,000 คัน มันใช้เวลา “บ่มเพาะ” เก็บเล็ก ผสมน้อย อยู่หลายเพลา หน่วยวัดที่เกินกว่า “ทศวรรษ” คือความ พยายามที่เจ้าของลงทุนแลกเปลี่ยนเป็นผลงานขั้นฟินิช…หน้าแข็ง หลังแข็ง ไซด์วาล์ว 3 แรงครึ่ง…ปี25 …เรารู้แค่นั้น!!!…มันเป็นเรื่องของ “ผม” ที่จะต้องตามต่ออยู่…เพียงลำพัง!!! น่าสนใจสุดๆไปเลยกับงานนี้

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เทศกาลมอไซ ว้าวว



รถมอเตอร์ไซได้เวลาขับแล้วในงานเทศกาลสุดยิ่งใหญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล เอาใจคนรักความอิสระขับสองล้อด้วยรถรุ่นใหม่และรุ่นยอดนิยมแต่ละค่ายมาจัดเต็มกับของแถม และโปรโมชั่นเพียบ โดยจัดที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์) ในวันที่5-9 กุมภาพันธ์2557 


สถานที่ท่องเที่ยวไทยที่สวยงาม ปีใหม่เที่ยวไหนดี

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และ ภูเรือ  สถานที่เที่ยวเรียกว่าเป็น ครั้งนึงในชีวิตที่ต้อง บุกบั่นไปให้ได้หนึ่งในนั้นคือ ภูกระดึง แม้เส้นทาง ห้องเรียนห้องใหม่ของใครหลายคนขณะเดินทางไปภูจะได้เห็นในหลายเรื่อง หลายแง่ เพราะ เส้นทางที่ขึ้นไปไม่ใช่แค่อยากขึ้นก็ขึ้นง่ายๆ ต้องบุกบั่นตั้งใจขอให้ได้ไปลองว่า คุณนั้นตั้งใจจริงไหม แน่นอน วิวที่เห็น
นั้นคือรางวัล สวยกว่าภาพถ่ายมากมายนั
สถานที่เทียวรับหน้าหนาว บรรยากาศเย็นสบายมาก ใครที่คิดว่าไปกี่ทีก็หนาวแค่แปปเดียว เราขอเชิญชวนให้มาที่นี้เลย  ต้นศิลป์  เนื่องจากได้ไปสัมผัสมากับตัวเองจริงๆ ไม่มีใครมาจ้างให้เขียนเลยแต่เขียนเพราะอยากให้ไปสัมผัสกันจริงๆ    ทางเข้า เขาใหญ่ค่อนข้างชัดเจน ว่าอยู่บนที่ เนิน ลานชัด ทางเข้าจึงเป็นเนินสูงนิดหน่อย เข้าไปจะพบว่าอยู่ใน หุบเขาจริงๆ หากต้องการความหนาว ให้จองที่พัก บริเวณ ติดกับรั้วด้านข้างฝั่งขวา จะเห็นชัดเจนว่าเป็นวิว เขา สวยงามมาก 

แว่นตากันแดดที่ดี มีประโยชน์มาก

แว่นตากันแดดไม่ได้มีประโยชน์ด้านแฟชันอย่างเดียวเท่านั้น มันยังสามารถปัองกันการทำลายดวงตาอย่างถาวร

ทำไมต้องใส่แว่นกันแดด...?
     แว่นตากันแดดไม่ได้มีประโยชน์ด้านแฟชันอย่างเดียวเท่านั้น มันยังสามารถปัองกันการทำลายดวงตาอย่างถาวร จากการเสื่อมสภาพของดวงตาทั้งโรคต้อกระจก ต้อเนื้อ และการทำลายจอประสาทตา

แสงทำความเสียหายต่อตาได้อย่างไร
     แสงทั้งหมดเป็นพลังงานเมื่อตาซึมซับแสงจะเกิดกระบวนการความร้อนหรือปฏิกิริยาเคมีในตาเนื้อเยื่อ. ปฏิกิริยาเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างถาวร แสงอาทิตย์ประกอบด้วยแสงหลายชนิดที่ทำความเสียหายต่อตาคือ :
     ราคาของแว่นก็ไม่ได้เป็นตัวบอกความสามารถในการป้องกันรังสี UV เสมอไป แนะนำให้ซื้อแว่นตากันแดดควรจากบริษัทที่มีการรับรอง ว่าสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UV-A และ UV-B อีกประการหนึ่งคือแว่นที่มีตัวกระจกที่ใหญ่ ๆ จะช่วยป้องกันสายตาจากดวงอาทิตย์ได้ทั้งจากด้านบนและด้านข้าง ซึ่งควรมีขอบแว่นที่โค้งและมีการปิดตรงบริเวณขมับด้วยจะช่วยป้องกันด้านข้าง ของตาได้


วิธีเลือกแว่นกันแดด
     แว่นกันแดดจะช่วยกรองแสงให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้น และปกป้องดวงตาจากอันตรายของแสงแดดจ้าได้ การเลือกซื้อแว่นกันแดด จึงควรดูที่ฉลากที่กำกับแว่นว่าสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้หรือไม่ เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตทั้งสองชนิดนี้ต่างก็ทำลายนัยน์ตา UVB นั้นจะดูดซึมที่กระจกตา แต่ถ้ารับแสงจ้านานเกินควร อาจจะทะลุไปที่จอรับภาพได้ ส่วน UVA จะดูดซึมเข้าไปได้ลึกกว่า ดังนั้นการเลือกแว่นกันแดดคุณภาพดีจึงเปรียบเสมือนทาครีมกันแดดชั้นดี ให้แก่ดวงตา

     องค์กรอาหารและยาสหรัฐอเมริกา กำหนดไว้ว่า แว่นกันแดดที่ได้มาตรฐานอย่างน้อยต้องสามารถป้องกัน UVA ได้ 95 เปอร์เซนต์ และ UVB 99 เปอร์เซ็นต์
     หากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความสว่างมาก เช่น นักปีนเขาควรเลือกเลนส์ที่สามารถลดความเข้มแสงได้สูงถึง 97 เปอร์เซ็นต์
     สำหรับการใช้งานทั่วๆไป เช่น การเดินเล่นตามชายหาดหรือขับรถ เลือกเลนส์ที่ตัดแสงได้ 70-90 เปอร์เซ็นต์ ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

ชนิดของเลนส์กันแดด
แว่นตากันแดดทำด้วยเลนส์ชนิดแตกต่างกันเพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกัน:
เลนส์ย้อมสีธรรมดา จะตัดแสงทุกสีในปริมาณเท่าๆกัน เหมาะกับใช้กลางแจ้งทั่วไป
เลนส์Polalized มีคุณสมบัติป้องกันแสงที่สะท้อนผ่านเลนส์ ไม่ทำให้สายตาพร่ามัว ทั้งยังช่วยตัดแสงที่เข้ามากระทบกับดวงตาได้ดีอีกด้วยเหมาะสำหรับการขับรถและกิจกรรมเล่นกีฬากลางแจ้งหรือในน้ำหรือทำงานกลางเปลวแดด ควรเลือกแว่นกันแดดชนิดโพลาลอยด์
เลนส์Photochromic เลนส์จะเปลี่ยนกับความเข้มของสี ตามปริมาณแสง เมื่ออยู่กลางแจ้งจะเและจางเมื่ออยู่ในที่ร่ม เหมาะสำหรับคนที่ทำงานทั้งที่ร่มและกลางแจ้ง ถ้าคุณขับรถกลางแจ้งด้วยให้เลือกเลนส์ที่มีสีเข้มหน่อย
รูปทรงของแว่นมีวิธีเลือกอย่างไร
     แว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่ทรงโค้งมน จะปกปิดดวงตาได้ดี แว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวแต่ไม่โค้งมนจะทำให้ดวงตาสัมผัสต่อแสงมากเป็น 3 เท่าของแว่นทรงโค้งมนเลยทีเดียว นอกจากนี้แว่นกันแดดทรงโค้งมนจะไม่ตกหล่นง่ายเวลาใส่อีกด้วย

สีของเลนส์มีวิธีเลือกอย่างไร
สำหรับสีของเลนส์นั้น สีเลนส์ที่ดีและเหมาะที่จะใช้คือสีเทา-ดำ และเขียว-ดำ
หากอยู่บริเวณชายหาด สีเลนส์ที่เหมาะจะใช้คือสีชา-น้ำตาล หรือเทา
ส่วนเลนส์สีเหลืองไม่เหมาะจะใส่เวลาขับรถ เพราะมันจะทำให้เห็นสีไฟจราจรไม่ชัดเจนระหว่างไฟแดง และไฟเขียวได้
ความพอดีของเลนส์กับกรอบแว่นดูอย่างไร
     เมื่อเลือกแบบแว่นกันแดดได้แล้ว ก็ควรจะดูว่าขอบของเลนส์ฟิตพอดีกับแว่นหรือไม่ โดยการลองใส่แล้วเดินไป-มาขึ้น-ลงบันได ให้แน่ใจว่ามันจะไม่เลื่อนหลุดออกมาจากตัวแว่นจริง ๆ หรือจะใช้วิธีจับแว่นตาไว้ แล้วดูในแนวตั้งและแนวนอนว่าขอบเลนส์ออกมานอกกรอบแว่นหรือไม่ เวลามองเส้นตรงแล้วไม่มีการบิดเบี้ยว
     ทุกคนควรป้องกันดวงตาโดยการสวมแว่นกันแดดทุกครั้งที่ออกแดด และควรเป็นแว่นกันแดดที่กันรังสีUVได้ด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่าควรทำเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะรังสี UV มีอันตรายต่อดวงตามาก เด็ก ๆ ก็สามารถสวมแว่นตากันแดดได้

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สถานที่เที่ยว รับหน้าหนาว แห่งใหม่ เขาใหญ่ โรแมนติกมากๆ

สถานที่เทียวรับหน้าหนาว บรรยากาศเย็นสบายมาก เป็นสถานที่เที่ยวในไทยที่ใครคิดว่าไปกี่ทีก็หนาวแค่แปปเดียว เราขอเชิญชวนให้มาที่นี้เลย  ต้นศิล  เนื่องจากได้ไปสัมผัสมากับตัวเองจริงๆ ไม่มีใครมาจ้างให้เขียนเลยแต่เขียนเพราะอยากให้ไปสัมผัสกันจริงๆ  ทางเข้า เขาใหญ่ค่อนข้างชัดเจน ว่าอยู่บนที่ เนิน ลานชัด  ทางเข้าจึงเป็นเนิน สูงนิดหน่อย เข้าไปจะพบว่าอยู่ใน หุบเขาจริงๆ หากต้องการความหนาว ให้จองที่พัก บริเวณ ติดกับรั้วด้านข้าง ฝั่งขวา จะเห็นชัดเจนว่าเป็นวิว เขา สวยงามมาก   


ท่อไอเสีย

กฏหมายน่ารู้เกี่ยวกับท่อไอเสียและรถยนต์ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12
รถที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฎว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกระทรวง หรือเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อื่นห้ามมิให้ผู้นั้นใช้รถจนกว่าจะจัดให้มีถูกต้องครบถ้วนหรือเอาออก ม.60 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ม.12 วรรคหนึ่ง...ปรับไม่เกินสองพันบาท ม.10 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีเครื่องยนต์ ที่มีก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงที่เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ม.152 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม..มาตรา 10 ทวิ ...ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงดังหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน.... การเปลี่ยนท่อไอเสียของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีความผิดตาม กฎหมายจราจร ม.12 , ม.10 ทวิ และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.370 ถ้านำรถที่ก่อให้เกิดเสียงดังมาใช้ ความผิดตามกฎหมายจราจรนั้นเป็นการเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในตัวรถซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น เช่นเสียงที่ดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ท่อไอเสียที่ใหญ่ขึ้น พ่นควันดำและแผดเสียงดังออกมาเกินกว่าที่มาตรฐานเดิมและนำรถไปวิ่งในถนนส่งเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เป็นที่เอือมระอาแก่ผู้ที่ประสบพบเห็น เป็นความผิดทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ในการตรวจจับท่อไอเสีย (ควันดำ) หรือเสียงดัง ก็มีเครื่องมือวัดความดัง ตามกฎหมายจราจร ส่วนในกรณีของความผิดตามกฎหมายอาญา ม.370 นั้นเพียงแต่รถท่อเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชนก็สามารถจับกุมได้เลยมิต้องใช้เครื่องมือวัดแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายจราจรหรือกฎหมายอาญา หรือใช้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้อง
งบำบัทุกข์ให้แก่ชาวบ้าน และบังคับใช้กฎหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป ....บก.จร

Motor Expo วันสุดท้าย โปร มอเตอร์เอ็กซ์โป แจกกระหน่ำ โปรกระจาย

                กระแสการเมืองกลบจนแถบเรียกว่าMotor Expo2013 เหงา งานMotor Expo2013 มาวันนี้ก็ใกล้จะหมดวันแสดงโช มอเตอร์เอ็กซ์โปซ์กันแล้วคือ 10 ธันวาคม ราคารถใหม่โปรโมชั่นเพียบ ทำให้อุณหภูมิในงานจึง ร้อนเป็นไฟ แต่ละค่ายต่างอยากได้ยอดจองตามเป้าหมายไว้ แน่อนว่าต้องงัด ข้อเสนอร้อนแรงมาให้อย่างแน่นอน  


ferrari F430


Supercar ที่มาแทนที่ f360 ในตอนแรกนั้นโดนประนามกันเลยว่าไม่มีความคลาสสิคกลายเป็นอวกาศซะมากกว่าแต่ไม่นาน หลังจากถูกวิพากวิจารณ์ไปก็เท่านั้นเพราะ สามารถคว้าแชม รถยนตร์มาได้อย่างทั่วโลก เป็นการตอกย้ำให้รุ้ว่า Ferrari ยังไงก็เป็น ferrari 







liberty walk สำนักแต่งSUpercar สุดซ่าบ้าดิบงาม


liberty walk อาจฟังไม่คุ้นหูสำหรับชื่อนี้ เพราะนี้คือชื่อสำนักแต่งจากแดน ปลาดิบ ที่เจ้าของสำนักมีความรักและหลงไหลรถอย่างมาก ซึ่งสำนักนี้นั้นเป็นสำนักที่้ความสวยงวามแบบขยายตัวถัง ตัดจริง เย็บจริง และรถที่นำมาทำนั้นไม่ใช่รถสปอตธรรมดา แต่เป็นรถระดับซูเปอคาร์ที่นำมาตัดต่อ ถือว่าเป็นการสร้างแบรนที่กล้ามาก 








วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไอลดา ทุมมาลา ของหนุ่ม เอ็ม อนาวิน นักบอลดาวเด่น แห่งทีมชาติไทย ลั่นระฆังวิวาห์

 เอ็ม อนาวิน กับเจ้าสาว ไอลดา ทุมมาลา  ได้ฤกเข้าประตูวิวาแต่งงานกันอย่างหวานซึ่งสุดๆถือว่าเป็นคู่รักที่ เหมาะสมกันมาก เราจึงรวม รูปสาวสวย สุดน่ารักเจ้าของหัวใจหนุ่มเอ็มมาให้ดูกัน




ภาพรวมตัวเดินขบวนประชาชน ผ่าน วิภาวดี อนุสาวรีย์ และ ราชดำเนิน สุดประทับใจ


ทุกทั่วแห่งมุมถนน ต่างลุกแสดงจุดยืนเพื่อ ต่อต้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีทั้ง รูปสาวไทย หนุ่มไทย คนดังดารา ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าทั่วทุกแห่งรวมพลัง เดินขบวนผ่าน อนุสาวรีย์ วิภาวดี แลม็อบราชดำเนิน เป็นภาพชุมนุม สุดสวย



นิยาม Supercar และความหมายของ Hypercar

นิยาม Supercar  หลายคนที่สนใจรถยนตร์ต่างมีความคิดว่า Supercar คือรถ ที่มีแรงม้า มหาศาลบ้าง ราคาแพงสุดบ้าง อันที่จริงแล้วนั้น ในประเทศไทย ใช้คำว่า Sport เยอะไป ไม่ว่าจะกระบะ ระเก๋งใช้ในเมือง หรือ แม้แต่ มอไซ ก็ยังใช้คำว่า สปอต เรียกว่า คำพูดในโฆษณาขายรถนั้น มีคำว่า สปอตเยอะกว่าจะบรรยายข้อดีของตัวรถเองแล้ว อาจจะเป็นเพราะคำว่า สปอตเข้าถึงง่ายกว่า อย่าง รถที่ เน้น สมถรนะ ในการขับขี่ เน้นความสมดุล และมีความสนุกในการขับขี่ให้อารมณ์มากพวกนี้จะถือว่าเป็น รถสปอตซึ่งรถสปอตเองก็ยังแบ่งแยกไปอีก ทั้ง สปอตซีดาน หรือ สปอต แฮนแบต แยกย่อยหลายแขนง Supercar คือหัวแถว เหมือนเพรชในมงกุฬแต่ละค่าย นิยามคือ  เป็นรถที่มีเทคโนโลยีที่ทำขึ้นมาเพื่อ รถรุ่นนี้เท่านั้น และยังต้องเป็นรถที่ สามารถให้ความสะดวกสบายได้อยู่  เช่นรถ 400 แรงม้า ยังคงต้องขับได้นุ่มนวล ซัดแหลกแล้วไม่ต้องลงไปเชค หรือนั่งลุ้นว่าอะไรจะเสียไหม เป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ดี



Hypercar    รถที่อยู่หัวแถวของมงกุฬ แน่นอนว่า เพรชในมงกุฒย่อมมีเพรชที่อยู่ตรงกบาง ใหญ่สุดสวยสุดและมีจำนวนเพียงน้อยนิด  Hypercar คือเพรช ชิ้นนั้น   รถกลุ่มนี้ผลิตออกมาจำนวนจำกัด และมีความเอกษณ์ที่ชัดเจนเจนจัดมาก  ส่วนใหญ่รถระดับนี้ 0-100 กิโลเมตร ความเร็วต้องอยู่ที่ ต่ำกว่า 5วินาที มีเทคโนโลยีชั้้นสูงเป็นของตัวเอง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต้องเป็นชนิดพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ เป้าหมายคือ ประสิทฑิภาพสูงสุดในการขับขี่





วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ม็อบต่อต้านรัฐบาล รวมสาวสวยที่มาร่วมชุมนุม







บรรดาสาวสวยน่ารักออกมาแสดงอุดมการณ์แรงกล้าในการแสดงความความคิดเห็นทางการเมือง รูปสาวสวย รูปน่ารัก ของบรรดาหญิงสาวชุดนี้โชว์ให้เห็นว่าพวกเธอไม่ได้อยู่เฉยพร้อมจะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตัวเอง ไปชมกับเลยกับอัลบั้มรูปสาวไทยน่ารักเซ็ตนี้


ม็อบต่อต้านรัฐบาล รวมสาวสวยที่มาร่วมชุมนุม

รูปเซ็กซี่ของ 5 อันดับพริตตี้ที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2013

รูปเซ็กซี่เซ็ตนี้ขอจัดหนักกับบรรดาพริตตี้ที่การันตีความสวย น่ารัก เซ็กซี่ พริตตี้สาวน่ารัก ผิวขาวๆ อกตึงๆ หุ่นแจ่มๆ พวกเธอดังมากในโลกโซเชี่ยล แถมยังคัดมาแล้วว่านี่คือรูปสาวสวยที่มาแรงที่สุดในปี 2013 รับประกันว่ารูปสาวสวยชุดนี้ทำคุณมือไม่นิ่งแน่นอน


ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัด

ธรรมชาติคือความสมดุล
สุขภาพ ที่ดีต้องประกอบด้วยความสมดุลของการกิน พักผ่อน และออกกำลังกาย สมดุลในที่นี้หมายถึงมีความพอดี สอดคล้อง ไม่หักโหมไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมากเป็นพิเศษ คนรักตัวเองฟังแล้วอาจจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินการปฏิบัติ เพียงแค่เพิ่มความใส่ใจและมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตอีกหน่อยเท่านั้น

* การกิน คน เราต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 3 มื้อ แต่ละมื้อจึงควรบริโภคอาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่คาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน นอกจากนี้ยังควรได้รับไฟเบอร์หรือเส้นใย น้ำ รวมถึงวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เพียงพอต่อการนำไปใช้ การบริโภคมากกว่าการนำไปใช้ย่อมทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน

* พักผ่อน กินเพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอแล้ว ร่างกายยังต้องการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอด้วย ในเมื่อทำงานมาตลอดวัน รีดออกมาทั้งพลังสมองและกำลังกาย พอตกค่ำก็ต้องนอนหลับให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำงานหนักแต่นอนน้อยจึงทำให้ร่างกายทรุดโทรมและไม่ผอม เพราะร่างกายที่ขาดการพักผ่อนจะเร่งการเผาผลาญมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกหิวกว่าปกติ และกระหายน้ำตาลจนน่ากลัวในวันรุ่งขึ้น

* ออกกำลังกาย รู้ดีว่าการออกกำลังกายมีคุณประโยชน์กับสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ สร้างความกระฉับกระเฉง สดใส มีความสุข ร่างกายแข็งแรง นอนหลับสบาย และช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเอง



การ ออกกำลังกายแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ที่ช่วยเพิ่มอัตราการสูบฉีดโลหิตของหัวใจ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นรำ หรือกระโดดเชือก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกนานครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง การออกกำลังกายประเภทที่ 2 ได้แก่ การบริหารความแข็งแกร่ง ได้แก่การยกน้ำหนักและเวทเทรนนิ่งต่างๆ ประเภทสุดท้ายคือ การฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย ได้แก่ การฝึกโยคะ พิลาทิส ฟิตบอล และไทชิ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น คล่องแคล่ว สงบ และมีสมาธิ

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ
ถ้า สมมติฐานที่ว่าความอ้วนและสุขภาพที่เสื่อมโทรมมาจากการใช้ชีวิตแบบฝืน ธรรมชาติ ระหว่างที่คุณพยายามจัดระเบียบและปรับชีวิตทั้ง 3 ส่วนให้กลับสู่ความสมดุลตามธรรมชาติ ทำไมไม่ลองลดความอ้วนด้วยวิธี "ธรรมชาติบำบัด" ไปพร้อมๆ กันล่ะคะ!

นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แห่ง ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวไว้ข้อหนึ่งว่า วิธีลดความอ้วนด้วยธรรมชาติบำบัด ที่สำคัญคือ ต้องออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร ก่อนจะแนะนำสูตรควบคุมอาหาร ซึ่งมีให้เลือกปฏิบัติตามแต่ความถนัดของแต่ละคน

1. ไม่กิน(ข้าว) มื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ

2. อดอาทิตย์ละวัน เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก

3. อดด้วยน้ำผลไม้ 3 วัน วิธีการคล้ายกับสูตรที่ 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด
ติดต่อกัน 3 วัน

4. อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน เริ่มจาก 2 วันแรกกินแต่ผลไม้ ต่อจากนั้นกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม

5. กินเนื้อกับผัก สูตรนี้เข้าข่ายการกินแบบ "พร่องแป้ง" หรือ "โลว์-คาร์บ(Low-Carb)" คือกินได้ทุกอย่าง โดยแตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุด โดยกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อ

แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับ พลังงานหลักจากคาร์โบไฮเดรตตามปกติ จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพเดียวกับภาวะอดอาหาร จนต้องไปดึงพลังงานส่วนเกินที่เก็บสำรองไว้มาใช้ก็จริง แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วย

หากคุณมี ความพยายามจริงจัง จะใช้ทั้ง 5 วิธีผสมผสานกันก็ได้ แต่ควรคำนึงว่าผักและผลไม้ที่จะกินควรมีความใหม่สดและผ่านการล้างอย่างสะอาด ดีแล้ว ส่วนจะกินแบบนี้อยู่นานแค่ไหนก็ให้ติดตามจากผลของน้ำหนักตัวว่าได้ตามที่ ต้องการแล้วหรือยัง เมื่อพอใจแล้วก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มแป้งทีละนิด อย่างไรก็ตามแม้จะกลับมากินเหมือนเดิมแล้ว ก็ยังควรดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสกัดไม่ให้ไขมันกลับมาพอกพูนใหม่ได้ง่ายๆ อีก

สำหรับสัดส่วนของ อาหารปกติหลังจากเข้าโปรแกรมกินเนื้อ-กินผักแล้วนั้น ควรเป็นการกินตามแนวธรรมชาติบำบัดคือ แต่ละวันกินข้าวกล้อง 3 มื้อ ผักสด 2 จาน ผลไม้ 2 ผล(ขนาดเท่ากับผลแอ็ปเปิ้ล) น้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้ว กินเนื้อสัตว์วันละไม่เกิน 1 ฝ่ามือ อาหารไขมัน(จำพวกผัดและทอด) วันละไม่เกิน 2 อย่าง พร้อมๆ กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม มีรูปร่างที่สมส่วน และสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงมากขึ้น

เห็นไหมว่าการลดน้ำหนักแบบ ธรรมชาติบำบัดทำไม่ยาก ไม่ต้องอดจนหิวไส้กิ่ว ไม่ต้องใช้เงิน ยา หรืออาหารเสริมลดความอ้วนเลย แค่ปฏิบัติตามสูตรเพื่อรูปร่างแข็งแรงและสุขภาพที่ดีขึ้น 

Talk About เถื่อน : เดวิด มอยส์ เวลาเท่านั้นคือเครื่องพิสูจน์

สวัสดีครับผม"น้าเดช"คอลัมนิสต์โง่ๆเซ่อๆที่ชอบมาเขียนบรรยายมั่วๆซั่วๆแล้วก็ทึกทักเอาเองว่านี่เรียก"บทความ"แต่ผมจะบอกให้นะนี่แหละคือเสน่ห์ของคอลัมน์ "Talk About เถื่อน" ง่อววว จบได้เท่มากๆ  กร้ากกกกก....วันนี้ก็มาพ่นตามสไตล์อีกเช่นเคยประเด็นคือหลังเกมบิ๊กแมตช์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านคว้าชัยเหนือคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ทำคะแนนขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ นับเป็นการออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบ 19 ปีเลยทีเดียว แต่ช่างแม่งเหอะ! ประเด็นวันนี้ของพูดถึงกุนซือหน้าใหม่อย่าง เดวิด มอยส์ ที่เปิดฤดูกาลมาก็เจอของแข็งต้อนรับเลยทีเดียว เชื่อว่าตอนนี้กุนซือหน้าประหลาดคงนอนเอาตีนก่ายหน้าผากหลังความกดดันถาโถม เข้ามาเต็มประดังจากหลายๆช่องทางทั้ง แฟนบอล สื่อ และนักเตะ ที่เริ่มจะไม่เชื่อมือนายใหญ่รายนี้เสียแล้วแม้ฤดูกาลจะเพิ่มเริ่มก็ตามที

ในช่วงท้ายฤดูกาลก่อนกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมาประกาศวางมือจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในยุคที่ทีมกำลังรุ่งเรืองเพราะ เพิ่งคว้าแชมป์ลีกมาหมาดๆ และถ้วยอื่นๆก็เข้ารอบลึกเพียงแต่โชคชะตาเล่นตลกทำให้ปีก่อนฟาดมาแค่โทรฟี่ เดียว ท่านเซอร์เคยกล่าวไว้ว่าตัวเขาเองจะวางมือก็ต่อเมื่อเห็นว่าทีมแข็งแรงจน สามารถเดินเองได้แล้วเจ้าตัวก็จะสบายใจจนนอนตายตาหลับ....จะบ้าเรอะ!!! โดยฤดูกาลก่อนถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ถึงแก่เวลาที่เฟอร์กี้จะอำลาทีมพร้อม เป็นคนเลือกเค้นกุนซือที่จะมารับบท"ทายาทอสูร"ด้วยตนเอง อีกต่างหาก ซึ่งก็เป็น เดวิด มอยส์ กุนซือบ้านเดียวกันที่เฟอร์กี้มองว่าใอ้เจ้านี่มันมีฝีมือไม่เบาเพราะการทำ ทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน ที่ไม่ได้มีเงินมหาศาลขึ้นมาต่อกรกับทีมใหญ่และมีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรปแทบ จะทุกปีย่อมไม่ธรรมดา แถมแนวทางการเล่นยังดูเหมือนปีศาจแดงสาขา 2 เพราะเหมาผู้เล่นที่ยูไนเต็ดไม่ใช้งานแล้วอย่าง ทิม ฮาวเวิร์ด , ฟิล เนวิลล์ , ดารอน กิ๊บสัน และหลุยส์ ซาฮา ไปเป็นตัวหลักของทีมตนเอง ท่านเซอร์จึงมอบหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้ต่อให้ มอยส์ และทำการขยับฐานะไปดำรงตำแหน่งอื่นในสโมสรแทน ซึ่งการเข้ามาของ มอยส์ ในยุคที่ผีแดงไม่ได้ประสบปัญหาอะไรเลยทั้งสภาพทีม สภาพการเงิน หรือองค์ประกอบต่างๆโดยรวมมันส่งให้กุนซือตาโปรายนี้ดูคล้ายกับเด็กเนิร์ ดที่เรียนเก่ง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์จนได้รับสืบทอดธุรกิจพันล้านจากผู้เป็นพ่อ แต่ความจริงกับความฝันมันช่างต่างกันเสียนี่ ทีมใหญ่อย่างผีแดงแทบจะไม่เคยชินกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ การเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่สำหรับยูไนเต็ดจึงเป็นเรื่องที่ยากเอาการสำหรับ ผู้มาสืบทอด ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล กว่าจะหากุนซือที่ดูดีมีอนาคตเช่น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ต้องผ่านการเข้ามา"ลองของ"ให้แฟนบอลคู่แข่งได้เยอะเย้ยกันสนุกปากไม่รู้กี่รายกว่าจะเจอ "คนที่ใช่" ในอดีตกุนซืออย่างท่านเซอร์ก็หวิดโดนไล่ออกมาไม่รู้กี่หนก่อนจะกลายเป็นผู้ จัดการทีมที่โหดสัสเขี้ยวลากดินที่เต็มเปี่ยมทั้งพระเดชและพระคุณของแบบนี้ ต้องใช้เวลาครับ

กลับกันกุนซือย่าง เดวิด มอยส์ มีทุกอย่างทั้งฝีมือ ความมุ่งมั่น แนวทางการเล่น และอื่นๆที่หลายฝ่ายมองว่านี่แม่งคือ เซอร์อเล็กซ์คนใหม่ชัดๆ แต่สิ่งเดียวที่อดีตนายใหญ่ เอฟเวอร์ตัน ยังขาด และหาได้ยากในกุนซือทั่วไปก็คือ "บารมี" สิ่งนี้ท่านเซอร์มีเต็มเปี่ยมและสะสมมาอย่างยาวนานเหมือนเหล้าที่บ่มเพาะจน ได้ที่ ทำให้ยากที่ใครจะมาแหยมได้ง่ายๆ เคยสังเกตุกันไหมครับ? ไม่ว่าผีแดงจะโชว์ฟอร์มกากหมา ตัวผู้เล่นเป็นรอง ทีมก็มีพลังพิเศษจากข้างสนามโกงความตายกลับมาได้ทุกที หรือช่วงเวลามีปัญหาอะไรในทีม ทุกครั้งท่านเซอร์มักจะเป็นทัพหน้าในการพาทีมฟันฝ่าอุปสรรค พร้อมเรียกความเชื่อมั่นจากแฟนบอลกลับมาได้เสมอ สิ่งนี้แหละที่กุนซืออย่าง เดวิด มอยส์ ต้องสร้างมันขึ้นมาและรีบเรียนรู้จากประสบการณ์การคุมทัพ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารและแฟนบอลว่าจะให้โอกาสกับกุนซือรายนี้ ให้เรียนรู้วิชาจนแก่กล้า หรืออยากได้ความสำเร็จโดยไวจนต้องเปลี่ยนกุนซือเป็นว่าเล่นแบบบางทีม.....ก็ คิดเอา

น้าเดช



..................................................................................................................................................



รวมบทความเก่าๆ
Talk About เถื่อน : "กันเนอร์ส"จะดำดิ่งถ้า"เวงเกอร์"ยังไม่เปลี่ยนสไตล์
http://football.boxza.com/forum/topic/10681


Talk About เถื่อน : 5 อาวุธทำลายล้างที่ผีปล่อยออกไปเพราะไฟท์กับ "ท่านเซอร์"

http://football.boxza.com/forum/topic/10404



Talk About เถื่อน : ประโยชน์มากมายที่ไทยได้รับจากการมาเยือนของ "ลิเวอร์พูล"

http://football.boxza.com/forum/topic/9970



Talk About เถื่อน : 3 สันดานคนไทยที่ทำให้ "ลีซอ" ผิดเสมอ

http://football.boxza.com/forum/topic/9347



Talk About เถื่อน : จับตาสถานีไหนต่อไปของ"คริสติอาโน่ โรนัลโด้"

http://football.boxza.com/forum/topic/8234



Talk About เถื่อน  : โทษขั้นสูงสุดของ"เซอร์อเล็กซ์"ที่มีต่อนักเตะอย่าง"เวย์น รูนีย์"

http://football.boxza.com/forum/topic/7590


Talk About เถื่อน  : ยูไนเต็ดแชมเปี้ยนส์อารมณ์"ขี้คาตูด"
http://football.boxza.com/forum/topic/5871


Talk About เถื่อน  : รวบเหตุการณ์น่าจดจำของ"เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"

http://football.boxza.com/forum/topic/6891



Talk About เถื่อน  : เด็กผีต้องดู!!! ซีรีย์ "เฮียเบ็คส์" ชีวิตมีขึ้นก็มีลง

http://football.boxza.com/forum/topic/7216



Talk About เถื่อน  : สงกรานต์กับการห้ามขึ้นรถกระบะสาดน้ำ
http://football.boxza.com/forum/topic/5467


Talk About เถื่อน  : อาชีพที่แท้จริงของทีมงาน"โอรส"
http://football.boxza.com/forum/topic/5130



Talk About เถื่อน  : รีวิวนโยบายน่าสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้
http://football.boxza.com/forum/topic/3965




Talk About เถื่อน  : ชินจิ คากาวะ"ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อขายเสื้อ"
http://football.boxza.com/forum/topic/3937




Talk About เถื่อน  : ดงบังvsLinkin Park
http://football.boxza.com/forum/topic/5617

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์บอล แชมเปี้ยนส์ลีกทุกคู่ บาเยิร์น , ยูเว่ฯ , ซิตี้เข้าวิน

วิเคราะห์บอลวันนี้  ให้สกอร์แม่นๆ แบบฉบับเซียนบอลมาเอง กับการวิเคราะห์บอล คู่ต่อคู่ที่พิสูจน์ความแม่นมานักต่อนักแล้ว วิเคราะห์บอล แบบลงลึกรายละเอียดทั้ง ตารางบอล ราคาบอล เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แฟนบอลกับ ทีเด็ดบอลวันนี้ ทุกคู่ วางใจให้เราเป็น บ้านผลบอล ของคุณนะครับ

วิเคราะห์บอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UEFA Champions League)
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556 (27 November 2013)



ซีเอสเคเอ มอสโก - บาเยิร์น มิวนิค (CSKA Moscow Vs Bayern Munich)
เวลา 00.00 น.

วิเคราะห์บอล - บาเยิร์นฟอร์มคงเส้นคงวามาตลอด งานนี้จะยากอะไร แม้จะมาเยือนแต่แนวรับเจ้าถิ่นเอาไม่อยู่หรอก แต่อาจจะเฉือนแค่ไม่กี่ประตูเท่านั้น
ผลบอลที่คาด - ซีเอสเคเอ 1-2 บาเยิร์น มิวนิค


เปแอสเช - โอลิมเปียกอส (PSG Vs Olympiacos)
เวลา 02.45 น.

วิเคราะห์บอล - ปารีส เล่นในบ้าน 5 เกมหลังสุดชนะ 4 เสมอ 1 ในทุกรายการ เกมนี้น่าจะเปิดฉากบุกตะลุยเข้าใส่แบบเต็มสตรีมแน่ และคงเอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่
ผลบอลที่คาด - ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 โอลิมเปียกอส

แก้ปัญหาชอบหมกมุ่นเรื่องงาน

๑. พิจารณาว่าคนเราทำงานไปเพื่ออะไร ทำงานเพราะว่างานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดหรือเปล่า
ซึ่งหากจะถามว่าคนเราทำงานไปเพื่ออะไร ส่วนใหญ่คงจะตอบว่าเพื่อหารายได้มาดำรงชีพ
(
สำหรับส่วนน้อย ซึ่งอาจจะมีเหตุผลอื่นที่หลากหลายนั้น ขอละไว้ไม่กล่าวถึงในที่นี้)
ในเมื่อเราทำงานเพื่อหารายได้มาดำรงชีพ (เช่น เลี้ยงตนเอง และครอบครัว) แล้ว
ก็ย่อมแสดงในตัวว่าการทำงานเพื่อหารายได้นั้น ยังเป็นงานรองอยู่ ไม่ใช่งานหลัก
เพราะการทำงานยังเป็นไปเพื่อหารายได้มาสนับสนุนการดำรงชีพในเรื่องอื่น ๆ

หากสมมุติว่าเราทำงานในที่ทำงานแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เพื่อการกุศล และไม่ใช่การฝึกงาน
แต่เป็นการทำงานจริง ๆ โดยที่เราทำงานดังกล่าวเพื่อต้องการหารายได้
แต่ปรากฏว่านายจ้างบอกว่าจะไม่จ่ายค่าตอบแทน และไม่ให้อะไรเป็นค่าตอบแทนทั้งสิ้น
คือให้เราทำให้ฟรี ๆ ไปตลอด ถามว่าเราจะทำงานนั้นไหม ซึ่งเราก็คงตอบว่า ไม่ทำ
นั่นก็แสดงให้เห็นว่าลำพังการทำงานเองนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด

(ในอีกมุมหนึ่งนะครับ ค่าตอบแทนในการทำงานก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดเช่นกัน
หากสมมุติว่ามีคนมาชวนเราไปทำงานที่อื่น โดยขึ้นอัตราค่าตอบแทนให้อีกหลายเท่า
แต่ว่าหากเราไปทำแล้ว เราจะต้องตายภายในไม่กี่วันอย่างแน่นอน
หรือเราจะต้องจากครอบครัวหรือจากคนที่เรารักไปตลอดชีวิต เราเองก็คงไม่ทำเช่นกัน)

หากท่านไหนยังมีความเห็นว่าการทำงานนั้นสำคัญที่สุดในชีวิต
ก็แนะนำให้ลองสมมุตินะครับว่า ถ้าเราทราบว่าเราจะตายในคืนนี้วันนี้แล้ว
เราลองถามตัวเองสิว่า เรายังจะใช้เวลาในวันนี้ทั้งวันเพื่อทำงานอยู่ไหม
เราจะใช้เวลาชีวิตที่เหลือทั้งหมดก่อนตายในวันนี้เพื่อทำงานหรือเปล่า

เมื่อการทำงานนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เป็นเพียงงานรองดังที่กล่าวแล้ว
การที่เราจะมัวมุ่งทำแต่งานรอง โดยไม่ได้แบ่งเวลาชีวิตไปทำงานหลักนั้น
ย่อมจะเป็นการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ควรทำอย่างไม่เหมาะสม
และไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง แก่ครอบครัว และแก่ส่วนรวม

กรณีอาจจะมีปัญหาต่อมา คือว่าแล้วอะไรล่ะเป็นงานหลักของชีวิต
ปัญหานี้คงต้องคุยกันยาวนะครับ และแต่ละคนก็ย่อมมีจริตและเป้าหมายที่แตกต่างกัน
ซึ่งเนื้อที่ในบทความนี้ไม่พอและจะเป็นการลากประเด็นของบทความครับ
จึงขอแนะนำให้เราไปพิจารณากันเองก่อนนะครับว่า “อะไรคืองานหลักของชีวิตเรา”
(โดยขอยกไปไว้คุยกันในคราวต่อ ๆ ไปเมื่อมีโอกาสครับ)


๒. พิจารณาว่า “คนเราทำงานเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อทำให้ชีวิตเราแย่ลง
หากเราทำงานแล้ว ทำให้ชีวิตเราแย่ลง ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม”
สำหรับสองประโยคข้างต้นนี้ ขอยกตัวอย่างในชีวิตจริงของผมมาเล่านะครับ
เคยมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งสอนสองประโยคนี้แก่ผมตั้งแต่สองปีแรกที่ผมเริ่มทำงานแล้วนะครับ
ก็คือเมื่อประมาณสิบแปดปีก่อนโน้น ซึ่งผมเองได้ทำงานหนักมาก ๆ และเยอะมาก
ทำแบบไม่ลืมหูลืมตา ประเภททำเจ็ดวัน วันละสิบกว่าชั่วโมงตลอด
และทำแบบไม่กลับบ้าน โดยนั่งหลับค้างคืนคาโต๊ะทำงานอยู่เป็นประจำ
ทำงานจนไม่มีเวลาให้พ่อแม่ ไม่มีเวลาให้แฟน ทำงานจนกระทั่งแฟนเลิกกับผมเลย
(ก็เพราะมัวแต่ทำงานนี่แหละ) ผมฟังรุ่นพี่คนนั้นสอนผมแล้ว ผมก็ยังไม่
get นะครับ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกสองปีกว่า โดยที่ผมก็ทำงานหนักเช่นเดิมอย่างนั้นมาตลอด
อยู่มาคืนหนึ่งซึ่งเป็นกลางดึกของวันอาทิตย์ ซึ่งผมยังทำงานอยู่ในที่ทำงานคนเดียว
ผมมองไปรอบ ๆ ที่ทำงานแล้ว เห็นว่ากำลังอยู่ในที่ทำงานคนเดียวในคืนวันอาทิตย์
แล้วจู่ ๆ สองประโยคที่รุ่นพี่เคยสอนผมก็ย้อนเข้ามาในสมอง
ผมไล่เรียงนึกย้อนไปกับชีวิตที่ผ่านมา จึงได้
get ว่าหมายความว่าอย่างไร

คนเราก็มีอย่างนี้ในชีวิตนะครับที่ว่า ได้ยินคำสอนหรือคำแนะนำอะไรดี ๆ แล้ว
แต่ไม่สามารถที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือเข้าถึงได้
โดยจะต้องให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งตกผลึกเสียก่อน
หรือบางทีอาจจะต้องให้เดือดร้อนเสียก่อน (ประเภทไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา)
จึงจะสามารถเข้าใจหรือเข้าถึงคำสอนหรือคำแนะนำนั้น ๆ ได้
ทั้ง ๆ ที่เรื่องบางเรื่องนั้น เราสมควรที่จะเข้าใจได้ในวาระแรกแล้ว
แต่กลับไม่เข้าใจ และก็ต้องรอจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายแล้ว จึงเพิ่งจะเข้าใจได้
(ซึ่งเมื่อเข้าใจในเวลานั้นแล้ว ก็อาจจะไม่เหลือเวลาพอที่จะ “แก้ตัวหรือกลับตัว” แล้ว
แต่ไม่ว่าจะเหลือเวลาน้อยเพียงไรก็ตาม ก็ย่อมจะเพียงพอที่เราจะ “กลับใจ” นะครับ)

ถ้าจะยกตัวอย่างกรณีเราทำงานแล้วทำให้ชีวิตเราแย่ลง ให้พิจารณาอีก ก็เช่นว่า
ทำงานอย่างหนักจนกระทั่งเราเองเจ็บป่วยหนัก เป็นโรคร้าย
และกลับกลายเป็นว่าเราเองต้องมาเป็นภาระให้คนในครอบครัวต้องดูแล
หรือว่าเราทำงานหนักจนกระทั่งเครียดมากและพาลทะเลาะกับคนในครอบครัว
ทำให้คนในครอบครัวเราทุกข์ใจและไม่มีความสุข
ทั้งนี้ เราอาจจะทำงานหนักก็เพื่อต้องการให้คนในครอบครัวมีความสุข
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับสวนทางกับวัตถุประสงค์ เป็นต้น

ตัวอย่างที่เจอบ่อยคือพ่อแม่ทำงานหนักมาก เพราะต้องการหารายได้มาเลี้ยงดูลูก
เพื่อที่จะให้ลูกได้มีอนาคตที่ดี และเป็นคนดี แต่ด้วยความที่พ่อแม่ทำงานหนักมาก
ไม่มีเวลาให้กับลูก ไม่มีเวลาสอน และไม่มีเวลาดูแลลูก ก็กลายเป็นว่า
ลูกไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนและดูแลที่ดี จึงกลายเป็นคนไม่ดี และเสียอนาคตไปเลยก็มี
เรื่องทำนองนี้ก็แสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับสวนทางกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้


๓. พิจารณาว่า เราเป็นเจ้าของกิจการ หรือตกเป็นทาสของกิจการ
เราเป็นนายของการงาน หรือเป็นทาสของการงาน
เราเป็นนายของทรัพย์สิน หรือเป็นทาสของทรัพย์สิน
หากเราเองจะต้องทุ่มทั้งชีวิตเพื่อทำงาน เพื่อหารายได้ หรือเพื่อสะสมทรัพย์สิน
โดยไม่มีเวลาไปทำประโยชน์ส่วนตัว (เพื่อตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม)
ไม่มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว ... เวลาแม้เล็กน้อยที่เรามีก็ต้องใช้ไปเพื่อการทำงาน
เช่นนั้นแล้ว ก็ควรพิจารณาว่า เราเองเป็นนาย เป็นเจ้าของ หรือว่าเราเป็นทาสกันแน่

สมมุติว่าเราทำงานสะสมเงินทองได้มากมาย ได้มาเป็นร้อยล้านพันล้าน
แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากเงินนั้นเลย
เงินนั้นกองอยู่ในบัญชี ให้เราได้เห็นเพียงตัวเลข โดยมีตัวเลขมากมาย
ส่วนเราเองต้องอยู่กับงานตลอด ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่มีวันหยุด
ถึงวันหนึ่งเราก็ป่วย แล้วก็ตายจากไป ... สำหรับเงินในบัญชีนั้น เราไม่มีเวลาจะใช้
หลังจากที่เราตายแล้ว ทายาทเราหรือคนอื่น ๆ ก็ได้นำเงินนั้นไปใช้
ซึ่งเราก็ไม่สามารถจะทราบล่วงหน้าได้เลยว่าเขาจะใช้อย่างไร ใช้เพื่ออะไร
หรือจะนำไปละลายทิ้งอย่างไร้ประโยชน์หรือไม่
เช่นนี้แล้ว เงินทองเหล่านั้นย่อมไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร
(โดยเราทำตัวเองเสมือนเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ให้คนอื่นเสียมากกว่า)


๔. พิจารณาว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อมีหน้าที่เพียงทำงานอย่างเดียว
แต่ชีวิตคนเรานั้นจะต้องทำชีวิตส่วนตัวในเรื่องอื่น ๆ ให้ดีด้วย
โดยควรจะต้องจัดสรรแบ่งเวลาให้เหมาะสมระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว
หากใช้เวลาไปในด้านการทำงานมากจนเกินไป ชีวิตส่วนตัวก็จะเสียหาย
เมื่อชีวิตส่วนตัวเสียหายแล้ว ก็ย่อมจะส่งผลกระทบกับการทำงานอยู่ดี
เช่น สมมุติว่าเราทำงานหนักมากจนเราป่วยเป็นมะเร็งระยะร้ายแรง
การที่เราป่วยเป็นมะเร็งระยะร้ายแรงก็ย่อมกลับไปกระทบการทำงานของเราอยู่ดี

ในทางกลับกัน หากใช้เวลาไปทางชีวิตส่วนตัวมากจนเกินแล้ว การงานก็จะเสียหาย
เมื่อการงานเสียหายแล้ว ก็ย่อมจะส่งผลกระทบกับชีวิตส่วนตัวอยู่ดี
เช่น สมมุติว่าเราละเลยไม่ใส่ใจทำงานจนกระทั่งโดนให้ออกจากงานและขาดรายได้
หรือโดนย้ายไปทำงานในสถานที่ไกลบ้านมาก ๆ ก็ย่อมจะกระทบกับชีวิตส่วนตัวได้

ลองเปรียบเทียบว่า เราต้องการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายในแต่ละวัน
หากเราใช้เวลาทั้งหมดไปเพื่อการอาบน้ำถูสบู่อย่างเดียว ถูเยอะมากเลย ถู ๆ ๆ ๆ
เราใช้เวลาทั้งหมดไปเพื่ออาบน้ำถูสบู่เพื่อความสะอาดร่างกาย
แต่เราไม่แปรงฟัน ไม่สระผม ไม่ซักเสื้อผ้าที่จะใส่ ... เสื้อผ้าที่จะใส่นั้นสกปรกมีกลิ่นเหม็น
ถามว่าเราจะได้ประโยชน์เต็มที่จากการที่เราอาบน้ำถูสบู่นั้นหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่า “ไม่”
เพราะว่าเมื่ออาบน้ำและแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ยังสกปรกอยู่ดี และมีกลิ่นเหม็นด้วย
ในทางกลับกัน หากเราจะซักเสื้อผ้าให้สะอาด แปรงฟัน และสระผมแล้ว
แต่เราไม่อาบน้ำและไม่ถูสบู่ ก็ย่อมจะไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควรที่เช่นกัน
การที่เรามุ่งทำงานอย่างเดียว โดยละเลยชีวิตส่วนตัว ก็ทำนองเดียวกันครับ


๕. พิจารณาว่า คนเราสมควรต้องรู้จักพัฒนาชีวิตตนเองให้ดีขึ้น
ยกตัวอย่างว่า ชายคนที่หนึ่งเดินออกจากบ้าน โดยถือท่อนไม้ติดตัวไปด้วย
เดินไปได้วันหนึ่ง ก็พบถาดทองเหลือง เขาก็วางท่อนไม้ลง และถือถาดทองเหลืองนั้น
เดินต่อไปอีกวันหนึ่ง ก็พบถาดทองคำ เขาก็วางถาดทองเหลือง และถือถาดทองคำนั้น
ชายคนที่หนึ่งกลับมาที่บ้านพร้อมกับทองคำนั้น

ชายคนที่สองเดินออกจากบ้าน โดยถือท่อนไม้ติดตัวไปด้วยเช่นกัน
และเขาก็ได้พบถาดทองเหลือง และถาดทองคำเช่นเดียวกันกับชายคนที่หนึ่ง
แต่เขาไม่ยอมวางท่อนไม้ เพราะเห็นว่าท่อนไม้เป็นสิ่งสำคัญที่เขาได้ถือไว้นานแล้ว
เขาอุตส่าห์เหนื่อยยากถือมาตั้งนาน ชายคนที่สองจึงกลับมาที่บ้านพร้อมกับท่อนไม้นั้น

เราลองพิจารณาว่าชายคนที่หนึ่ง หรือชายคนที่สองได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
แก่ตนเอง และครอบครัวมากกว่ากัน และชายคนใดควรได้รับการชมเชย
ในทำนองเดียวกัน ชีวิตของเราก็ได้พบผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากมาย
เราก็ควรต้องพิจารณาพัฒนาตนเองไป เพื่อให้ชีวิตเรานี้มีคุณค่ามากที่สุด
ในสมัยเด็ก ๆ เราอาจจะมองว่าการเล่นสนุกสนานนั้นสำคัญและมีคุณค่าที่สุด
แต่พอโตและเรียนจบแล้ว เราอาจจะมองว่าการทำงานสำคัญและมีคุณค่าที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปอีก เราก็ควรจะลองถามตัวเองบ้างว่า
มีอะไรในชีวิตที่มีคุณค่าและสำคัญกว่าการทำงานไหม
เราได้วางท่องไม้ไป และถือถาดทองเหลืองแล้ว เราได้พบสิ่งอื่นที่มีคุณค่ากว่านั้นไหม


๖. พิจารณาว่า หากสิ่งที่เราทำอยู่ในชีวิตทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว หรือดีที่สุดอยู่แล้ว
โดยไม่ได้มีอะไรบกพร่องอะไรเลย ชีวิตเราก็ย่อมจะต้องมีความสุขมากมายนะครับ
จึงควรลองถามตัวเองว่า ชีวิตเราเอง มีความสุขมากมายหรือเปล่า
เราพอใจในการใช้เวลาทำงานเยอะ ๆ โดยไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ หากตอบว่า
ไม่พอใจ
เรารู้สึกว่าตนเองเป็นทาสของกิจการ เป็นทาสของงาน เป็นทาสของทรัพย์สินแล้ว
แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่องบางอย่างอยู่ จึงควรที่จะต้องค้นหาข้อบกพร่องนั้น
เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงชีวิตเราให้ดีขึ้นต่อไป


๗. พิจารณาว่า คนเราต้องรู้จักแบ่งเวลาว่าเวลาไหนควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร
ไม่ใช่ว่าเวลาที่เรากินข้าว ก็เล่นเกมไปด้วย หรือคุยโทรศัพท์ไปด้วย
เวลาอาบน้ำ ก็คุยโทรศัพท์ไปด้วย ดูโทรทัศน์ไปด้วย หรือเช็คอีเมล์ไปด้วย
เวลาขับรถ ก็ดูโทรทัศน์ไปด้วย หรืออ่านเช็คอีเมล์ไปด้วย หรือคุยโทรศัพท์ไปด้วย
เวลาทานข้าวอยู่กับแฟน ก็ทำงานไปด้วย หรือคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ๆ ไปด้วย
พอเวลาทำงาน ก็มัวแต่คุยโทรศัพท์เล่นกับเพื่อน มัวนอน เล่นอินเตอร์เน็ต
หรือทำเรื่องไร้สาระอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย

ลองพิจารณาดูนะครับว่าจะดีหรือแย่อย่างไร หรือเหมาะสมไหม
หากในช่วงเวลาที่คนในครอบครัวกำลังกินข้าวด้วยกันนั้น
พ่อก็โทรศัพท์คุยเรื่องงาน แม่ก็ดูละครโทรทัศน์เรื่องที่ตนเองติด
ลูกคนโตเล่นอินเตอร์เน็ตโดยโทรศัพท์มือถือ ส่วนลูกคนเล็กเล่นเกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์
แล้วจะเรียกว่าเป็นการกินข้าวระหว่างคนในครอบครัวได้ไหม

ในทำนองเดียวกัน หากเรากำลังกินข้าวกับคนในครอบครัว
แต่จิตใจกลับไปหมกมุ่นคิดแต่เรื่องงาน เช่น คิดถึงลูกน้องที่ไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ได้เรื่อง
คิดถึงเพื่อนร่วมงานที่เห็นแก่ตัว หรือเจ้านายที่นิสัยไม่ดี เอาแต่ดุด่าไม่ฟังเหตุผล
ก็ย่อมจะไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ กับการกินข้าวกับคนในครอบครัวนั้น


๘. พิจารณาว่า งานที่เราทำนี้มีวันหมดหรือไม่
หากเราทำงานอยู่ในแผนกหรือฝ่ายที่มีพนักงานจำนวนมาก
ลองพิจารณานะครับว่าเราคนเดียวจะทำงานแทนคนทั้งหมดในแผนกหรือในฝ่ายได้ไหม
ยิ่งหากอยู่องค์กรใหญ่ ๆ แล้ว คงจะเห็นได้ว่าทำงานให้ตายก็ตาม งานก็ไม่มีวันหมด
(เว้นแต่องค์กรนั้นกำลังจะเจ๊ง หรือเลิก หรือล้มละลาย)
เราทำงานหนักมากเลยในสัปดาห์นี้ พอถึงสัปดาห์หน้างานใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว
โดยงานได้ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด อย่างไรก็ดี แม้ว่างานอาจจะไม่มีวันหมด
แต่ว่าเวลาชีวิตของเรามีวันหมดนะครับ จึงควรจัดสรรเวลาชีวิตให้เหมาะสม


๙. พิจารณาว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานคนเดียว หรือแบกทุกอย่างไว้คนเดียว
ลองพิจารณาว่าเราให้ความสำคัญกับตนเองมากเกินไปหรือเปล่า
หากเราตาย หรือเราไม่อยู่แล้ว บริษัทจะต้องเจ๊งหรือเปล่า ทุกคนจะทำงานไม่ได้หรือไง
โดยให้มองคนอื่นด้วยใจที่เปิดกว้างและยอมรับด้วยว่า
เราไม่ได้เก่งที่สุดคนเดียว เราไม่ได้ทำงานได้คนเดียว คนอื่น ๆ ที่มีศักยภาพก็มี
ทำอย่างไรเราจึงจะกระจายงานให้คนอื่น ๆ ได้ช่วยกันทำอย่างเหมาะสม


๑๐. พิจารณาว่าคนเราจะตายวันไหน เวลาไหน ก็ไม่ทราบได้
ลองถามตัวเองว่า เราได้ทำทุกอย่างไว้สมบูรณ์แล้วหรือยัง
เราได้ทำสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับชีวิตเรียบร้อยดีแล้วหรือเปล่า
ได้ให้เวลากับครอบครัว กับคนที่เรารัก และกับตนเอง อย่างเหมาะสมไหม
หากวันดีคืนดี เราเกิดตายอย่างกะทันหัน หรือป่วยหนักทำอะไรไม่ได้แล้ว
ก็เท่ากับว่าเราไม่มีโอกาสที่จะได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่ควรจะต้องทำ
โดยเราได้ปล่อยเวลาและโอกาสให้ผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย


นอกจากนี้ กรณีอาจจะไม่ใช่ว่าเราตายอย่างกะทันหัน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่า
คนที่เรารัก คนในครอบครัวเรา หรือคนที่เกี่ยวข้องกับเราได้ตายลงอย่างกะทันหันก็ได้

นอกจากจะแนะนำให้พิจารณาดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ขอแนะนำให้ทำดังต่อไปนี้ด้วยครับ
(๑) แม้ว่าจะบอกให้แบ่งเวลาชีวิตสนใจสิ่งสำคัญอื่น ๆ แต่การทำงานนั้นก็สำคัญ
เราจึงควรต้องใช้เวลาหาข้อบกพร่องในงานที่ทำด้วยว่า จะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ไหม
ไม่ควรคิดว่าเราทำทุกอย่างดีหมดอยู่แล้ว เพราะหากระบบงานทุกอย่างดีหมดแล้ว
การทำงานควรต้องสบาย งานเสร็จเร็ว และเรามีเวลาส่วนตัวเยอะ ๆ
แต่หากตรงกันข้ามว่า งานเราทำไม่ทันเลย เวลาส่วนตัวไม่มีเลย และเรากลุ้มหรือกังวล
เช่นนี้แล้วก็ควรจะพิจารณาการทำงานใหม่ทั้งหมดครับว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
และควรจะแก้ไข ปรับปรุง หรือพัฒนาอะไรได้บ้างไหม

บางที เราต้องลองมองสวนกระแส หรือมองออกนอกกรอบเดิม ๆ บ้าง
มีงานบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องทำไหม มีวิธีการบางอย่างที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ไหม
มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์อะไรที่จะช่วยให้ทำงานโดยใช้เวลาน้อยลงกว่านี้ไหม
เราสร้างหรือใช้ระบบงานบางอย่างที่ซับซ้อนมากเกินไปหรือเปล่า
เราเก็บหรือกั๊กงานมาทำเองมากเกินไปหรือไม่ เราไม่ไว้ใจคนอื่น ๆ เลยหรือเปล่า
ทั้งที่ก็น่าจะสามารถแบ่งงานให้คนอื่นทำได้ แต่เราไม่แบ่งให้ ฯลฯ

ในชีวิตจริงนั้น ตัวเราเองก็มีแต่จะอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำงานได้ช้าลง
การที่จะลุยทำงานหนักไปเรื่อย ๆ นั้น คงจะไม่สามารถทำไปได้ตลอด
จึงควรต้องพิจารณาระบบการทำงานเผื่ออนาคตด้วย

ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกให้ทิ้งงานทั้งหมดเพื่อไปทำอย่างอื่นนะครับ
แต่แนะนำให้มาพิจารณาจัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตใหม่ทั้งหมด
เรียงใหม่หมดเลย จากนั้นแล้ว แบ่งเวลาให้การทำงานว่าจะแบ่งเท่าไร
จากนั้น ในเวลาที่เราได้แบ่งให้กับการทำงานนั้น เราต้องมาพิจารณาอีกว่า
ในเมื่อเวลาเราลดลง เราควรจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้ไม่ให้กระทบงาน
หรือหากจะต้องกระทบงาน ก็ให้กระทบให้น้อยที่สุด


(๒) ในเวลาชีวิตส่วนตัวของเรานั้น เป็นไปได้ว่าเราอาจจะเผลอไปหลงคิดกังวลเรื่องงาน
ดังนั้นแล้ว ก็แนะนำให้เราหัดมีสติรู้ทันใจตนเอง
โดยตั้งหลักก่อนว่า เราต้องแบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวออกจากกัน
หากเราอยู่ในเวลางาน และใจหลงไปคิดเรื่องส่วนตัว ให้มีสติรู้ทัน
หากเราอยู่ในเวลาส่วนตัว และใจหลงไปคิดกังวลเรื่องงาน ให้มีสติรู้ทัน
โดยไม่ปล่อยให้ความหลงดังกล่าวมาครอบงำใจ


แม้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นจะคุยเกี่ยวกับการหมกมุ่นเกี่ยวกับการทำงานก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อแนะนำก็สามารถนำไปปรับใช้กับการหมกมุ่นเรื่องอื่น ๆ ได้
โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการหมกมุ่นเกี่ยวกับการทำงานเท่านั้น
เช่น หมกมุ่นเรื่องแฟน เล่นเกม ดูละคร อ่านนิยาย เที่ยวกลางคืน เล่นอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ก็สามารถนำไปพิจารณาปรับใช้ได้ตามที่เหมาะสม
เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาชีวิตส่วนตัวไปทำสิ่งที่สำคัญและมีคุณค่ากับชีวิตเราอย่างแท้จริงได้