วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัด

ธรรมชาติคือความสมดุล
สุขภาพ ที่ดีต้องประกอบด้วยความสมดุลของการกิน พักผ่อน และออกกำลังกาย สมดุลในที่นี้หมายถึงมีความพอดี สอดคล้อง ไม่หักโหมไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมากเป็นพิเศษ คนรักตัวเองฟังแล้วอาจจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินการปฏิบัติ เพียงแค่เพิ่มความใส่ใจและมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตอีกหน่อยเท่านั้น

* การกิน คน เราต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 3 มื้อ แต่ละมื้อจึงควรบริโภคอาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่คาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน นอกจากนี้ยังควรได้รับไฟเบอร์หรือเส้นใย น้ำ รวมถึงวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เพียงพอต่อการนำไปใช้ การบริโภคมากกว่าการนำไปใช้ย่อมทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน

* พักผ่อน กินเพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอแล้ว ร่างกายยังต้องการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอด้วย ในเมื่อทำงานมาตลอดวัน รีดออกมาทั้งพลังสมองและกำลังกาย พอตกค่ำก็ต้องนอนหลับให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำงานหนักแต่นอนน้อยจึงทำให้ร่างกายทรุดโทรมและไม่ผอม เพราะร่างกายที่ขาดการพักผ่อนจะเร่งการเผาผลาญมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกหิวกว่าปกติ และกระหายน้ำตาลจนน่ากลัวในวันรุ่งขึ้น

* ออกกำลังกาย รู้ดีว่าการออกกำลังกายมีคุณประโยชน์กับสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ สร้างความกระฉับกระเฉง สดใส มีความสุข ร่างกายแข็งแรง นอนหลับสบาย และช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเอง



การ ออกกำลังกายแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ที่ช่วยเพิ่มอัตราการสูบฉีดโลหิตของหัวใจ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นรำ หรือกระโดดเชือก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกนานครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง การออกกำลังกายประเภทที่ 2 ได้แก่ การบริหารความแข็งแกร่ง ได้แก่การยกน้ำหนักและเวทเทรนนิ่งต่างๆ ประเภทสุดท้ายคือ การฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย ได้แก่ การฝึกโยคะ พิลาทิส ฟิตบอล และไทชิ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น คล่องแคล่ว สงบ และมีสมาธิ

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ
ถ้า สมมติฐานที่ว่าความอ้วนและสุขภาพที่เสื่อมโทรมมาจากการใช้ชีวิตแบบฝืน ธรรมชาติ ระหว่างที่คุณพยายามจัดระเบียบและปรับชีวิตทั้ง 3 ส่วนให้กลับสู่ความสมดุลตามธรรมชาติ ทำไมไม่ลองลดความอ้วนด้วยวิธี "ธรรมชาติบำบัด" ไปพร้อมๆ กันล่ะคะ!

นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แห่ง ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวไว้ข้อหนึ่งว่า วิธีลดความอ้วนด้วยธรรมชาติบำบัด ที่สำคัญคือ ต้องออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร ก่อนจะแนะนำสูตรควบคุมอาหาร ซึ่งมีให้เลือกปฏิบัติตามแต่ความถนัดของแต่ละคน

1. ไม่กิน(ข้าว) มื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ

2. อดอาทิตย์ละวัน เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก

3. อดด้วยน้ำผลไม้ 3 วัน วิธีการคล้ายกับสูตรที่ 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด
ติดต่อกัน 3 วัน

4. อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน เริ่มจาก 2 วันแรกกินแต่ผลไม้ ต่อจากนั้นกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม

5. กินเนื้อกับผัก สูตรนี้เข้าข่ายการกินแบบ "พร่องแป้ง" หรือ "โลว์-คาร์บ(Low-Carb)" คือกินได้ทุกอย่าง โดยแตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุด โดยกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อ

แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับ พลังงานหลักจากคาร์โบไฮเดรตตามปกติ จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพเดียวกับภาวะอดอาหาร จนต้องไปดึงพลังงานส่วนเกินที่เก็บสำรองไว้มาใช้ก็จริง แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วย

หากคุณมี ความพยายามจริงจัง จะใช้ทั้ง 5 วิธีผสมผสานกันก็ได้ แต่ควรคำนึงว่าผักและผลไม้ที่จะกินควรมีความใหม่สดและผ่านการล้างอย่างสะอาด ดีแล้ว ส่วนจะกินแบบนี้อยู่นานแค่ไหนก็ให้ติดตามจากผลของน้ำหนักตัวว่าได้ตามที่ ต้องการแล้วหรือยัง เมื่อพอใจแล้วก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มแป้งทีละนิด อย่างไรก็ตามแม้จะกลับมากินเหมือนเดิมแล้ว ก็ยังควรดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสกัดไม่ให้ไขมันกลับมาพอกพูนใหม่ได้ง่ายๆ อีก

สำหรับสัดส่วนของ อาหารปกติหลังจากเข้าโปรแกรมกินเนื้อ-กินผักแล้วนั้น ควรเป็นการกินตามแนวธรรมชาติบำบัดคือ แต่ละวันกินข้าวกล้อง 3 มื้อ ผักสด 2 จาน ผลไม้ 2 ผล(ขนาดเท่ากับผลแอ็ปเปิ้ล) น้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้ว กินเนื้อสัตว์วันละไม่เกิน 1 ฝ่ามือ อาหารไขมัน(จำพวกผัดและทอด) วันละไม่เกิน 2 อย่าง พร้อมๆ กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม มีรูปร่างที่สมส่วน และสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงมากขึ้น

เห็นไหมว่าการลดน้ำหนักแบบ ธรรมชาติบำบัดทำไม่ยาก ไม่ต้องอดจนหิวไส้กิ่ว ไม่ต้องใช้เงิน ยา หรืออาหารเสริมลดความอ้วนเลย แค่ปฏิบัติตามสูตรเพื่อรูปร่างแข็งแรงและสุขภาพที่ดีขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น